รูเล็ต (Roulette) เป็นหนึ่งใน เกมคาสิโน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณจะเล่นในคาสิโนแบบดั้งเดิมหรือในคาสิโนออนไลน์ รูเล็ตยังคงเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเสน่ห์ ในบทความนี้เราจะเจาะลึกทุกแง่มุมของเกมรูเล็ต ตั้งแต่กฎกติกาพื้นฐานจนถึงเทคนิคการเล่นขั้นสูง เพื่อให้คุณมีความรู้และสามารถเพิ่มโอกาสในการชนะได้
ประวัติของ รูเล็ต
รูเล็ต มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 ชื่อ “รูเล็ต” มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “วงล้อเล็ก” โดยรูเล็ตได้ถูกนำไปปรับปรุงและพัฒนาจนกลายเป็น เกมคาสิโนยอดนิยม ในปัจจุบัน
รูปแบบของ รูเล็ต
รูเล็ตยุโรป (European Roulette)
รูเล็ตยุโรปเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีเลขทั้งหมด 37 หมายเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 36 ความได้เปรียบของบ้านในรูเล็ตยุโรปอยู่ที่ประมาณ 2.7%
รูเล็ตอเมริกัน (American Roulette)
รูเล็ตอเมริกันมีเลขทั้งหมด 38 หมายเลข โดยเพิ่มเลข 00 เข้ามาเพิ่มเติมจากรูเล็ตยุโรป ความได้เปรียบของบ้านในรูเล็ตอเมริกันสูงขึ้นที่ประมาณ 5.26%
รูเล็ตฝรั่งเศส (French Roulette)
รูเล็ตฝรั่งเศสมีลักษณะคล้ายกับรูเล็ตยุโรป แต่มีการเพิ่มกฎพิเศษ เช่น La Partage และ En Prison ที่ช่วยลดความได้เปรียบของบ้านลงเหลือประมาณ 1.35%
กฎและวิธีการเล่น รูเล็ต
อุปกรณ์ในการเล่น
- วงล้อรูเล็ต: ประกอบด้วยช่องหมายเลขตั้งแต่ 0-36 (และ 00 สำหรับรูเล็ตอเมริกัน)
- ลูกบอลรูเล็ต: ใช้สำหรับหมุนในวงล้อเพื่อกำหนดหมายเลขที่ชนะ
- โต๊ะรูเล็ต: มีตัวเลขและช่องเดิมพันต่าง ๆ สำหรับให้ผู้เล่นวางเดิมพัน
ขั้นตอนการเล่นรู เล็ต
- การวางเดิมพัน: ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันบนตัวเลขหรือชุดของตัวเลข สีแดงหรือดำ คู่หรือคี่ เป็นต้น
- การหมุนวงล้อ: ดีลเลอร์จะหมุนวงล้อไปในทิศทางหนึ่งและปล่อยลูกบอลไปในทิศทางตรงกันข้าม
- ผลลัพธ์: เมื่อวงล้อหยุดหมุน ลูกบอลจะตกลงในช่องหมายเลขใดหมายเลขหนึ่งบนวงล้อ
- การจ่ายเงิน: ผู้เล่นที่วางเดิมพันบนหมายเลขที่ลูกบอลหยุดจะได้รับเงินรางวัลตามอัตราจ่ายที่กำหนดไว้
ประเภทของการเดิมพันในรูเล็ต
การเดิมพันภายใน (Inside Bets)
- ตรง (Straight): วางเดิมพันบนตัวเลขเดียว มีอัตราจ่าย 35 ต่อ 1
- แบ่ง (Split): วางเดิมพันบนสองตัวเลขที่ติดกัน มีอัตราจ่าย 17 ต่อ 1
- สตรีท (Street): วางเดิมพันบนสามตัวเลขที่เรียงกันในแนวนอน มีอัตราจ่าย 11 ต่อ 1
- มุม (Corner): วางเดิมพันบนสี่ตัวเลขที่อยู่ติดกันในรูปแบบสี่เหลี่ยม มีอัตราจ่าย 8 ต่อ 1
- เส้น (Line): วางเดิมพันบนหกตัวเลขที่เรียงกันในสองแถวแนวนอน มีอัตราจ่าย 5 ต่อ 1
การเดิมพันภายนอก (Outside Bets)
- สีแดง/สีดำ (Red/Black): วางเดิมพันบนสีของหมายเลข มีอัตราจ่าย 1 ต่อ 1
- คู่/คี่ (Even/Odd): วางเดิมพันบนความเป็นคู่หรือคี่ของหมายเลข มีอัตราจ่าย 1 ต่อ 1
- สูง/ต่ำ (High/Low): วางเดิมพันบนกลุ่มหมายเลข 1-18 (ต่ำ) หรือ 19-36 (สูง) มีอัตราจ่าย 1 ต่อ 1
- โหล (Dozens): วางเดิมพันบนกลุ่มหมายเลข 12 ตัว เช่น 1-12, 13-24, 25-36 มีอัตราจ่าย 2 ต่อ 1
- คอลัมน์ (Columns): วางเดิมพันบนหนึ่งในสามคอลัมน์ของตัวเลข มีอัตราจ่าย 2 ต่อ 1
เทคนิคการเล่น รูเล็ต
Martingale Strategy
Martingale เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันมากที่สุดในเกมรูเล็ต เทคนิคนี้มีความง่ายและตรงไปตรงมา ผู้เล่นเพียงแค่เพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากที่แพ้ในแต่ละครั้ง เมื่อชนะจะกลับมาเดิมพันในจำนวนเงินเริ่มต้น เทคนิคนี้ต้องการเงินทุนสูงและมีความเสี่ยง
Fibonacci Strategy
Fibonacci เป็นเทคนิคที่ใช้ลำดับฟีโบนัชชี่ในการกำหนดจำนวนเงินเดิมพัน ลำดับฟีโบนัชชี่คือ 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, … โดยผู้เล่นจะเพิ่มเงินเดิมพันตามลำดับนี้หลังจากที่แพ้ และจะกลับไปยังสองขั้นก่อนหน้าหลังจากที่ชนะ เทคนิคนี้มีความเสี่ยงน้อยกว่า Martingale
D’Alembert Strategy
D’Alembert เป็นเทคนิคที่เพิ่มหรือลดเงินเดิมพันทีละหน่วยหลังจากแพ้หรือชนะ เทคนิคนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า Martingale และ Fibonacci โดยผู้เล่นจะเพิ่มเงินเดิมพันทีละหน่วยหลังจากแพ้ และลดเงินเดิมพันทีละหน่วยหลังจากชนะ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเล่น รูเล็ต
- จัดการเงิน: กำหนดงบประมาณและยึดถือมันอย่างเคร่งครัด อย่าเดิมพันเงินที่คุณไม่สามารถจะเสียได้
- เลือกโต๊ะที่เหมาะสม: รูเล็ตยุโรปมีความได้เปรียบของบ้านต่ำกว่ารูเล็ตอเมริกัน ทำให้มีโอกาสชนะมากกว่า
- รู้จักพัก: หากคุณเสียเงินมากเกินไป ควรหยุดเล่นและกลับมาเล่นใหม่ในวันถัดไป
- ไม่วางเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง: การวางเดิมพันที่มีอัตราจ่ายสูงจะมีโอกาสชนะต่ำ ควรเลือกวางเดิมพันที่มีความเสี่ยงต่ำและอัตราจ่ายที่เหมาะสม
สรุป
รูเล็ต เป็นเกมคาสิโนที่สนุกและตื่นเต้น การเข้าใจและใช้เทคนิคต่าง ๆ ในการเล่นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะได้ อย่างไรก็ตาม การจัดการเงินและการเล่นอย่างมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความรู้และความเข้าใจในเกมรูเล็ตมากขึ้น และสนุกกับการเล่นมากยิ่งขึ้น